|
|
|
|
|
|
สาระน่ารู้ |
|
|
|
กฎหมายหุ้นส่วนบริษัท เรื่องการประกาศหนังสือพิมพ์ กรณีประชุมผู้ถือหุ้น |
|
|
สรุปสิ่งสำคัญที่บริษัทฯ ที่ต้องลงพิมพ์โฆษณาในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น (เริ่มใช้ตั้งแต่ 1 ก.ค. 2551 ) |
|
|
การเรียกประชุมผู้ถือหุ้น (มาตรา 1175) การเปลี่ยนแปลง ดังต่อไปนี้ต้องออกหนังสือนัดประชุมผู้ถือหุ้น/คณะกรรมการ |
|
|
....กรณีเป็นบริษัทจำกัด |
|
|
หัวข้อ |
เดิม |
ใหม่ |
1.การเปลี่ยนแปลงกรรมการหรืออำนาจกรรมการ
เช่น ลาออก ตาย ล้มละลาย ไร้ความสามารถ
ประชุมสามัญประจำปี |
ไม่ต้องลงก็ได้ |
ต้องลงพิมพ์โฆษณา 1 คราว
ในหนังสือพิมพ์แห่งท้องที่ ก่อน
วันประชุมไม่น้อยกว่า 7 วัน หรือตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับ |
2.การเพิ่มทุน (มติพิเศษ) |
ไม่ต้องลงก็ได้ |
ต้องลงพิมพ์โฆษณา 1 คราว
ในหนังสือพิมพ์แห่งท้องที่ ก่อน
วันประชุมไม่น้อยกว่า 14 วัน หรือตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับ |
3.การแก้ไขชื่อและตราสำคัญบริษัทฯ (มติพิเศษ) |
ไม่ต้องลงก็ได้ |
ต้องลงพิมพ์โฆษณา 1 คราว
ในหนังสือพิมพ์แห่งท้องที่ ก่อน
วันประชุมไม่น้อยกว่า 14 วัน หรือตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับ |
4.การแก้ไขวัตถุประสงค์บริษัทฯ (มติพิเศษ) |
ไม่ต้องลงก็ได้ |
ต้องลงพิมพ์โฆษณา 1 คราว
ในหนังสือพิมพ์แห่งท้องที่ ก่อน
วันประชุมไม่น้อยกว่า 14 วัน หรือตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับ |
5.การแก้ไขที่ตั้งสำนักงานใหญ่เฉพาะข้ามจังหวัด (มติพิเศษ) |
ไม่ต้องลงก็ได้ |
ต้องลงพิมพ์โฆษณา 1 คราว
ในหนังสือพิมพ์แห่งท้องที่ ก่อน
วันประชุมไม่น้อยกว่า 14 วัน หรือตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับ |
6.การแก้ไขข้อบังคับของบริษัท (มติพิเศษ) |
ไม่ต้องลงก็ได้ |
ต้องลงพิมพ์โฆษณา 1 คราว
ในหนังสือพิมพ์แห่งท้องที่ ก่อน
วันประชุมไม่น้อยกว่า 14 วัน หรือตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับ |
7.การลดทุน (มติพิเศษ) มี 2 ขั้น ที่ต้องลงโฆษณา
ขั้นที่ 1 ะมีการประชุมมติพิเศษออกหนังสือนัดประชุมผู้ถือหุ้น
ขั้นที่ 2 หลังจากจดทะเบียนมติพิเศษแล้ว ทำหนังสือแจ้งเจ้าหนี้
|
ไม่ต้องลงก็ได้
โฆษณาหนังสือพิมพ์ 7 ครั้ง
|
ต้องลงพิมพ์โฆษณา 1 คราว
ในหนังสือพิมพ์แห่งท้องที่ ก่อน
วันประชุมไม่น้อยกว่า 14 วัน หรือตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับ
ลงเมื่อไร ก็ได้ เพราะต้องนับวัน ถ้าปล่อยค้างไว้ 1 ปี มติยกเลิกตามกฏหมาย
|
8.แก้ไขเพิ่มดวงตราสำคัญ
(จะประชุมหรือไม่ก็ได้) |
ไม่ต้องลงก็ได้ |
(ถ้าประชุม)ลงพิมพ์โฆษณา 1
คราวในหนังสือพิมพ์แห่งท้องที่
ก่อน วันประชุมไม่น้อยกว่า 7 วัน หรือตามที่กำหนดไว้ใน ข้อบังคับ |
9.การควบบริษัท (มติพิเศษ)
มี 2 ขั้น ที่ต้องลงโฆษณา
ขั้นที่ 1 ออกหนังสือนัดประชุมผู้ถือหุ้น
ขั้นที่ 2 หลังจากจดทะเบียนพิเศษให้ควบบริษัท ทำหนังสือแจ้งเจ้าหนี้
|
ไม่ต้องลงก็ได้
โฆษณาหนังสือพิมพ์ 7 ครั้ง |
ต้องลงพิมพ์โฆษณา 1 คราวในหนังสือพิมพ์แห่งท้องที่ ก่อน
วันประชุมไม่น้อยกว่า 14 วัน หรือตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับ (เฉพาะขั้นที่ 1) |
10.เลิกบริษัท
มี 2 ขั้น ที่ต้องลงโฆษณา
ขั้นที่ 1 ออกหนังสือนัดประชุมผู้ถือหุ้น (ช่วงขอจดทะเบียนเลิก)
ขั้นที่ 2 เมื่อจดทะเบียนเลิกเสร็จ |
ไม่ต้องลงก็ได้
โฆษณาหนังสือพิมพ์ 2 ครั้ง |
ต้องลงพิมพ์โฆษณา 1 คราวในหนังสือพิมพ์แห่งท้องที่ ก่อน
วันประชุมไม่น้อยกว่า 14 วัน
ประกาศโฆษณาเลิกในหนังสือพิมพ์ท้องที่ อย่างน้อย 1 ครั้ง ภายใน 14 วันนับจากวันที่เลิก
|
11.การชำระบัญชี
ออกหนังสือนัดประชุมเพื่อยืนยันตัวผู้ชำระบัญชีและอนุมัติงบการเงิน ณ วันเลิก
ออกหนังสือนัดประชุมเพื่อพิจารณาการชำระบัญชี
|
ไม่ต้องลงก็ได้
ไม่ต้องลงก็ได้ |
ต้องลงพิมพ์โฆษณา 1 คราวในหนังสือพิมพ์แห่งท้องที่ ก่อน
วันประชุมไม่น้อยกว่า 7 วัน หรือตามที่กำหนดไว้ใน ข้อบังคับ
ต้องลงพิมพ์โฆษณา 1 คราวในหนังสือพิมพ์แห่งท้องที่ ก่อน
วันประชุมไม่น้อยกว่า 7 วัน หรือตามที่กำหนดไว้ใน ข้อบังคับ |
12.การแจ้งการจ่ายเงินปันผล (มาตรา 1204) |
ไม่ต้องลงก็ได้ |
ในกรณีมีหุ้นชนิดออกให้แก่ผู้ถือ
ให้โฆษณาในหนังสือพิมพ์ท้องที่อย่างน้อย 1 คราวด้วย |
|
|
|
....กรณีเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด |
|
|
หัวข้อ |
เดิม |
ใหม่ |
1.การแปลงสภาพห้างหุ้นส่วนเป็นบริษัทฯ จำกัด (เพิ่มส่วนที่12 ในหมวด4 มาตรา 1246/1-1246/7) |
ไม่ต้องลงก็ได้ |
ต้องโฆษณาหนังสือพิมพ์ 1 คราว |
2.เลิกห้างหุ้นส่วน
เมื่อจดทะเบียนเลิกเสร็จ |
โฆษณาหนังสือพิมพ์ 2 ครั้ง |
ประกาศโฆษณาเลิกใน
หนังสือพิมพ์ท้องที่ อย่างน้อย 1 ครั้ง
ภายใน 14 วันนับจากวันที่เลิก |
|
|
|
ตัวอย่าง บริษัท ก. ต้องการประชุมสามัญประจำปี วันที่ 29 เมษายน 2552 ดังนั้นบริษัทฯ ก จะต้องลงประกาศ
ออกหนังสือเชิญประชุมผู้ถือหุ้น ในหนังสือพิมพ์ท้องที่ 1 คราว ในระหว่างวันที่ 4 - 21 เมษายน 2552 โดยจะลง
ก่อน หรือหลัง จากช่วงนี้ไม่ได้ (ลงก่อนวันประชุมไม่น้อยกว่า 7 วัน แต่ไม่เกิน 24 วัน)
ตัวอย่าง บริษัท ก. มีมติพิเศษ การแก้ไขชื่อและตราสำคัญของบริษัท โดยจะประชุมผู้ถือหุ้น วันที่ 30 มกราคม 2552
ดังนั้น บริษัท ก. ต้องลงประกาศออกหนังสือเชิญประชุมผู้ถือหุ้นในหนังสือพิมพ์ท้องที่ 1 คราว ในระหว่างวันที่ 18 31
ธันวาคม 2551 และ1 - 15 มกราคม 2552 (ลงก่อนวันประชุมไม่น้อยกว่า 14 วัน แต่ไม่เกิน 42 วัน) การนับวัน รวมหมด ไม่ว่าจะเป็นวันหยุดราชการ หรือ วันเสาร์ อาทิตย์
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ค่าปรับกรณียื่นงบล่าช้า หรือไม่ยื่นงบ |
|
|
|
|
|
ตารางค่าปรับ |
ลำดับที่ |
ประเภทผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี |
อัตราค่าปรับ |
รวม |
ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี |
กรรมการผู้จัดการ/ |
หุ้นส่วนผู้จัดกาีร |
1.อัตราค่าปรับกรณียื่่นงบการเงินล่าช้าไม่เกิน 2 เดือน |
1 |
ทุกประเภทยกเว้นกิจการร่วมค้า |
600 |
600 |
1,200 |
2 |
กิจการร่วมค้า |
600 |
- |
600 |
|
2.อัตราค่าปรับกรณียื่่นงบการเงินล่าช้า่เกินกว่า 2 เดือน แต่ไม่เกิน 4 เดือน |
1 |
ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน |
1,200 |
1,200 |
2,400 |
2 |
บริษัทจำกัด |
2,400 |
2,400 |
4,800 |
3 |
นิติบุคคลต่างประเทศ |
6,000 |
6,000 |
12,000 |
4 |
บริษํทมหาชนจำกัด |
12,000 |
12,000 |
24,000 |
5 |
กิจการร่วมค้า |
6,000 |
- |
6,000 |
|
3.อัตราค่าปรับกรณียื่่นงบการเงินล่าช้า่เกินกว่า 4เดือน แต่ไม่เกิน 6 เดือน |
1 |
ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน |
2,400 |
2,400 |
4,800 |
2 |
บริษัทจำกัด |
4,800 |
4,800 |
9,600 |
3 |
นิติบุคคลต่างประเทศ |
12,000 |
12,000 |
24,000 |
4 |
บริษํทมหาชนจำกัด |
24,000 |
24,000 |
48,000 |
5 |
กิจการร่วมค้า |
12,000 |
- |
12,000 |
|
4.อัตราค่าปรับกรณียื่่นงบการเงินล่าช้า่เกินกว่า 6 เดือนขึ้นไป หรือไม่ยื่นงบการเงิน |
1 |
ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน |
3,600 |
3,600 |
7,200 |
2 |
บริษัทจำกัด |
6,000 |
6,000 |
12,000 |
3 |
นิติบุคคลต่างประเทศ |
18,000 |
18,000 |
36,000 |
4 |
บริษํทมหาชนจำกัด |
36,000 |
36,000 |
72,000 |
5 |
กิจการร่วมค้า |
18,000 |
- |
18,000 |
|
|
|
|
|
|
สำหรับผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีที่มีรอบบัีญชีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2548 เป็นต้นไป อายุความของค่าปรับเป็น 1 ปี
นับจากวันครบกำหนดวันสุดท้ายของการยื่นงบการเงิน
กรณี ประชุมเกิน 4 เดือน นับจากวันสิ้นรอบบัญชี
ปรับกรรมการท่านละ 5,000 บาท
ปรับนิติบุคคล 2,000 บาท
ถ้ายื่นงบทันภายใน 1 เดือนนับจากวันประชุม ถือว่าไม่ได้ยื่นงบช้าและไม่ต้องปรับตามอัตราข้างต้น
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ภาษีที่เกี่ยวข้อง กรณีจัดงานปีใหม่ให้พนักงาน และของขวัญปีใหม่ให้ลูกค้า |
|
|
|
|
|
การจัดงานปีใหม่ให้พนักงาน
การจัดงานปีใหม่ให้พนักงานในช่วงปีใหม่ หากนายจ้างได้มีการเขียนไว้เป็นสวัสดิการมีระเบียบระบุไว้ มีประเด็นในทางภาษีที่ต้องพิจารณาดังนี้
1. ภาษีเงินได้นิติบุคคล
ถือเป็นรายจ่ายในทางภาษีได้ไม่ต้องห้าม
2. ภาษีมูลค่าเพิ่ม
ภาษีซื้อที่เกิดขึ้นสามารถนำมาเครมได้ ไม่ต้องห้าม
3. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ถือเป็นเงินได้ที่ได้จากการให้ตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามมาตรา 42 ( 10 )
http://www.rd.go.th/publish/5937.0.html#mata42
ส่วนของขวัญปีใหม่ที่ให้กับพนักงาน
การที่นายจ้างให้ของขวัญปีใหม่แก่พนักงานประจำปีและกำหนดไว้เป็นระเบียบสวัสดิการพนักงาน ไม่ว่าจะให้ทุกคนหรือให้เฉพาะบางคนถือเป็นเงินได้พึงประเมินของพนักงานตามมาตรา 40 (1) นายจ้างมีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายพนักงานตามมาตรา 50 (1) มีประเด็นทางด้านภาษีที่ต้องพิจารณาดังนี้
1. ด้านนายจ้าง
1.1 ภาษีเงินได้นิติบุคคล ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้ไม่ต้องห้าม
1.2 ภาษีมูลค่าเพิ่ม ถ้านายจ้างเป็นผู้ประกอบการในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีซื้อที่เกิดจากการซื้อของขวัญดังกล่าวสามารถขอคืนหรือเครดิตภาษีขายได้ไม่ต้องห้าม
แต่อย่างไรก็ดีเมื่อนายจ้างได้มอบของขวัญให้แก่พนักงาน ถือว่านายจ้างขายสินค้าให้แก่พนักงานต้องนำส่งภาษีขายภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไปตามมาตรา 77/1 (8) และกรมสรรพากรได้ออกคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.86/2542 ข้อ 2. (10) ผู้ประกอบการจดทะเบียนจำหน่าย จ่าย โอนสินค้า โดยไม่มีค่าตอบแทน และไม่ได้เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ซื้อสินค้าตามมาตรา 82/4 แห่งประมวลรัษฎากร ถือเป็นการขายสินค้าตามมาตรา 77/1(8) แห่งประมวลรัษฎากร ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นเมื่อมีการส่งมอบสินค้าตามมาตรา 78(1) แห่งประมวลรัษฎากร
http://www.rd.go.th/publish/3568.0.html
ข้อสังเกต ถ้านายจ้างให้ของขวัญแก่พนักงานจะต้องเสียภาษีขายถือเป็นการขายในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ถ้าให้เป็นเงิน บัตรกำนัล หรือสินค้าที่ไม่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม เช่น หนังสือ ตำรา ก็ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
2. ด้านลูกจ้าง
ถือเป็นเงินได้พีงประเมินของพนักงานตามมาตรา 40 (1) ดังนั้นผู้รับต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาด้วย |
|
ของขวัญปีใหม่ให้ลูกค้า
การแจกของขวัญหรือของชำร่วยให้แก่ลูกค้า มีภาษีตามประมวลรัษฎากรมาเกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง สรุปได้ ดังนี้
ภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยปกติการแจกของขวัญหรือของชำร่วย ถือเป็นการขายสินค้าในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่กฎหมายตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม ฉบับที่ 40 ได้กำหนดลักษณะและเงื่อนไข ค่าตอบแทนที่ไม่ต้องนำมารวมคำนวณมูลค่าของฐานภาษี สำหรับการให้ของขวัญหรือของชำร่วยที่เป็นสินค้าจำพวกปฏิทิน สมุดบันทึกประจำวัน (Diary) หรือสินค้าที่มีลักษณะทำนองเดียวกันที่มีชื่อของผู้ประกอบการ ชื่อการค้าหรือเครื่องหมายการค้าของผู้ประกอบการปรากฏอยู่ และจะต้องมีราคาไม่เกินสมควร
นั่นก็หมายความว่า หากของขวัญหรือของชำร่วยที่แจกให้ลูกค้าเข้าหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ผู้ประกอบการไม่ต้องนำมูลค่าของขวัญหรือของชำร่วยที่แจกให้แก่ลูกค้าไปเสียภาษีมูลค่าเพิ่มแต่อย่างใด
สำหรับภาษีซื้อที่เกิดขึ้นจากการซื้อของขวัญหรือของชำร่วยที่แจกให้แก่ลูกค้าเป็นภาษีซื้อต้องห้ามตามมาตรา 82/5(4) แห่งประมวลรัษฎากร เพราะของขวัญฯ ถือเป็นค่ารับรองทำให้ไม่สามารถขอคืนภาษีซื้อได้
กรณีของขวัญฯ ที่ให้แก่ลูกค้า หากไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากรฯ ที่กล่าวมา ก็จะต้องนำมูลค่าของขวัญ ฯลฯ ไปเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมออกใบกำกับภาษีด้วย
ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ของขวัญหรือของชำร่วยที่ผู้ประกอบการได้แจกให้แก่ลูกค้านั้นถือว่าเป็นการขายสินค้า ผู้ประกอบการไม่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย แต่อย่างใด
รายจ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคล ของขวัญหรือของชำร่วยที่ให้แก่ลูกค้าถือเป็นค่ารับรอง ผู้ประกอบการสามารถนำค่าใช้จ่ายไปหักเป็นรายจ่ายทางภาษีได้ตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด สำหรับภาษีซื้อต้องห้ามที่มิให้ขอคืนภาษี สามารถนำไปหักเป็นรายจ่ายค่ารับรองได้
ท่านผู้ประกอบการที่ทุนหนาหรือทุนน้อยแต่ใจใหญ่ จะแจกของขวัญหรือของชำร่วยที่มีราคาสูงเกินสมควรก็สามารถทำได้ ไม่มีข้อห้ามไว้ แต่ก็จะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามปกติ |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
บริษัท เอทีเอส การบัญชี จำกัด 88/30 หมู่ 1 ถ.เอกชัย ต.นาดี อ.เมือง จ.สมุทรสาคร 74000
โทร 034-110-369 โทรสาร 034-110-369
All right reserve 2008 ATS Accounting Co., Ltd. |
Last updated
10-Apr-2015
|
|