ประมาณการภาษีกลางปีขาดไปอย่างไรจึงไม่โดนปรับ - บริษัท เอทีเอส การบัญชี จำกัด

ประมาณการภาษีกลางปีขาดไปอย่างไรจึงไม่โดนปรับ

ประมาณการภาษีกลางปีขาดไปอย่างไรจึงไม่โดนปรับ

ประมาณการภาษีกลางปีขาดไปอย่างไรจึงไม่โดนปรับ

การยื่นภาษีกลางปี ภงด 51

บริษัท ห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือนิติบุคคลอื่น ๆ ที่มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคล มีหน้าที่ต้องยื่นภาษีเงินได้นิติบุคคลกลางปี หรือ ภงด 51

โดยจะต้องยื่นภายใน 2 เดือน นับจากวันครึ่งรอบบัญชีของนิติบุคคลนั้น ๆ เช่น บริษัทมีรอบบัญชีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม ครึ่งรอบระยะเวลาบัญชี คือ 30 มิถุนายน ดังนั้น กำหนดการยื่นแบบ ภงด 51 คือ 31 สิงหาคม (2 เดือน นับจาก 30 มิถุนายน)

โดยมีข้อแม้ว่า ประมาณการกำไรสุทธิที่ยื่นไว้ตาม ภงด51 นั้น เมื่อเทียบกับ ภาษีนิติบุคคลประจำปี (ภงด50) ของปีนั้น ๆ แล้ว จะต้องประมาณการขาดได้ไม่เกิน 25% ถ้าประมาณการขาดโดยไม่มีเหตุอันสมควร จะถือว่ามีความผิด ต้องเสียเบี้ยปรับ เงินเพิ่ม

ผู้เสียภาษีอย่างเรา ๆ คงคิดในใจว่า เหตุอันสมควร เป็นดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ ซึ่งคงจะเถึยงชนะยาก ทางกรมสรรพากร ก็คงคิดแบบเดียวกัน จึงได้ออกแนวทางปฏิบัติกรมสรรพากร ที่ มก.28/2555 เรื่อง การพิจารณาเหตุอันสมควรตามมาตรา 67 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร เพื่อเป็นแนวทางให้เจ้าหน้าที่สรรพากรพิจารณาเหตุอันสมควร ผมขอสรุปแนวปฎิบัติให้เข้าใจง่าย ๆ ดังนี้

1.การพิจารณาแบบ ให้เทียบ ภงด 51 กับ ภงด 50 ฉบับหลังสุดที่ได้ยื่นเพิ่มเติมไว้ของรอบระยะเวลาบัญชีเดียวกัน

2.กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ได้จัดทำประมาณการกำไรสุทธิและยื่นแบบภงด 51 โดยเสียภาษีไว้ไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของภาษีตามแบบ ภงด 50 ที่เคยเสียไว้ ของรอบบัญชีก่อน ถือว่ามีเหตุอันสมควร เช่น ภงด 50 ปีก่อน เสียภาษีไว้ที่ 100,000 บาท บริษัทยื่น ภงด 51 ของปีปัจจุบัน โดยเสียครึ่งนึงของภาษีที่เสียไว้ปีก่อน คือ 50,000 แม้ว่าประมาณการกำไรของภงด 51 ปีปัจจุบัน เมื่อเทียบกับ ภงด 50 ของปีปัจจุบันแล้ว จะขาดไปเกิน 25% ก็ตาม ถือว่ามีเหตุอันสมควร ไม่โดยปรับ ข้อนี้ ขอให้สังเกตุว่า แนวทางนี้พูดถึงเรื่องภาษีที่เสียไว้ ไม่ใช่ กำไร ดังนั้นให้เอาภาษีเป็นตัวตั้ง ไม่ใช่กำไรเป็นตัวตั้ง และถ้า ภงด 50 ปีก่อน มีกำไรแต่ไม่เสียภาษี (เช่น SME ได้รับยกเว้นกำไรบางส่วน) กรณีแบบนี้ ก็จะเอาข้อนี้มาใช้ไม่ได้เนื่องจากไม่ได้เอากำไรเป็นตัวตั้ง ถ้าประมาณการขาด ก็ยังคงถูกปรับอยู่ดี

3.กรณีที่ไม่ได้เข้าตามข้อ 2 แต่มีเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ ถือว่ามีเหตุอันสมควร

3.1 บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่เริ่มมีรายได้จากการประกอบกิจการในช่วงระยะเวลา 6 เดือนหลังของรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มมีรายได้จากการประกอบกิจการ (ไม่รวมถึงเงินได้ประเภทดอกเบี้ย)

3.2 บริษัทหรือหุ้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้ยื่นแบบ ภงด 50 ชำระภาษีอากรเพิ่มเติมตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจโดยวิธีใด ยกเว้น การตรวจตามหมายเรียก ข้อนี้ หมายถึงว่า เวลาเจ้าหน้าที่ดูเทียบ(ตามที่ระบุในข้อ 1) จะดูภงด 51 เทียบกับ ภงด 50 ที่ยื่นเพิ่มเติมล่าสุด ซึ่งถ้าตัวที่ยื่นภงด 50 ล่าสุดเป็นตัวที่ยื่นเพิ่มเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตรวจประเมิน และทำให้ภงด 51 ประมาณการขาด ถือว่ามีเหตุสมควร ไม่โดนปรับ ทั้งนี้ ยกเว้น การตรวจสอบตามหมายเรียก

3.3 มีกำไรจากการขายทรัพย์สินที่ใช้ในการประกอบกิจการในช่วงระยะเวลา 6 เดือนหลังของรอบระยะเวลาบัญชี

3.4 อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำลง ทำให้ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดต่ำลงด้วย

3.5 การส่งออกสินค้ามีความไม่แน่นอน ทั้งปริมาณและราคาสินค้า หรือมีการยกเลิกการควบคุมราคาหรือปริมาณสินค้าส่งออก

3.6 อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเปลี่ยนแปลงอย่างผิดปกติ

4.สำหรับกิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน ซึ่งประกอบกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล และไม่ได้รับยกเว้นภาษี การประมาณการขาดไปเกิน 25% ให้พิจารณาแยกกัน โดย กำไรของกิจการที่ได้รับยกเว้น และไม่ได้รับยกเว้น ต้องไม่ขาดไปเกิน 25% ทั้ง 2 กิจการ ไม่ได้ดูที่ยอดรวม

แต่อย่างไรก็ตาม แนวปฏิบัตินี้ ก็เป็นแค่แนวทางเท่านั้น เวลาเจ้าหน้าที่พิจารณาจริง ๆ ก็อาจจะดูลึกกว่านั้น เช่นในข้อ 3.1 การดูว่ามีรายได้ 6 เดือนหลังนั้น ก็ไม่ได้ดูแค่ว่ามีรายได้เกิดขึ้น 6 เดือนหลังก็จบ แต่เนื่องจาก ภงด 51 ยื่นในอีก 2 เดือนนับจากครึ่งรอบบัญชี ดังนั้น ก่อนจะยื่น ภงด 51 ก็จะต้องพอรู้ว่า จะมียอดขายหรือไม่ อย่างน้อยก็ก่อนยื่น ภงด 51 ดังนั้นเวลาดูจริง ๆ ก็อาจจะดูว่ามีรายได้เกิดขึ้น 4 เดือนสุดท้ายของปี ถึงจะปลอดภัย แต่ก็อาจจะยังไม่จบ เพราะเจ้าหน้าที่ก็จะถามขั้นตอนการรับ Order ว่ามีขั้นตอนอย่างไร เพื่อพิจารณาว่า การที่รายได้จะเกิดใน 4 เดือนสุดท้ายของปีนั้น ได้มีการรับ Order กันมาก่อนหรือไม่ มีการคาดการณ์ไว้หรือไม่ว่าจะมีรายได้ แม้ว่ารายได้จะเกิด 4 เดือนหลัง แต่ถ้ารู้ว่ามี Order มารอไว้แล้ว ก็ควรจะประมาณการไว้เลย เป็นต้น

ถ้าเราประมาณการขาดไป จะทำอย่างไร ทางแก้ที่ดีที่สุด คือยอมรับผิด และไปยื่นเพิ่มเติม ภงด 51 ให้ประมาณการขาดไม่เกิน 25 % ของภงด 50 ที่เกิดขึ้นจริงในปีนั้น ถ้ายื่นเพิ่มเติมเร็ว ก็จะโดนเงินเพิ่ม (1.5% ต่อเดือน) รวมกันไม่ถึง 20% ซึ่งเวลาเจ้าหน้าที่ตรวจพบ และปรับเรื่องประมาณการขาด เราจะถูกปรับ 20 % ดังนั้นถ้ารู้ตัวก่อนก็ให้รีบไปยื่นปรับปรุง จะได้เสียเงินเพิ่มน้อยกว่าที่เจ้าหน้าที่มาตรวจพบ

การประมาณการ ภงด 51 ตามข้อ 2 จะปลอดภัยสุด ถ้าพอเสียภาษีไหว และดูแล้วว่า ปลายปี น่าจะมีกำไร และสียภาษีมากกว่า ภงด 51 ที่เสียไว้ แม้จะมากกว่าครึ่งของภาษีจริง ก็ยังดีกว่าโดยปรับเรื่องประมาณการขาด ดังนั้น ปิดช่องไม่ให้เจ้าหน้าที่สรรพากรมาตรวจจะดีที่สุด

Share Button

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *